ศึกแมนเชสเตอร์ ดารบี้ ครั้งที่ 187 ในเกมพรีเมียร์ลีก ศึกแห่งศักดิ์ศรีของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เปิดประตูสนาม เอทิฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลการแข่งขันในนัดนี้ ไม่พลิกโผจากที่แฟนบอลหลายคนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากทีมเจ้าบ้านอย่าง เรือใบสีฟ้า ที่สวมมงจ่าฝูงได้ถอนสมอลงอาคมฟาด ปีศาจแดง ทีมเยือนลงหลุมด้วยสกอร์ 4-1 ด้วยผลงานอันเร้าร้อนของ มิดฟิลด์ตัวเทพ เควิน เดอ บรอยน์ ซัดตาข่ายไป 2 เม็ด และ แนวรุกฟอร์มท็อป ริยาด มาห์เรซ ฟาดประตูไปอีก 2 ลูก ทำให้ทีมเจ้าบ้านชนะขาดลอย เก็บคะแนนรวบตึงไปได้ 3 แต้ม แล่นเรือทิ้งห่างรักษาสถานะจ่าฝูงไว้ได้ต่อไป โดยมีคะแนน 69 แต้ม ทิ้งห่างจากทีมรองอย่าง ลิเวอร์พูล ที่มีคะแนน 63 แต้มเพียง 6 แต้มเท่านั้น ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้พ่ายแพ้ในเกมแห่งศักดิ์ศรี ก็ช้ำคูณสองด้วยการร่วงจากอันดับ TOP 4 สู่อันดับ 5 ไปอย่างน่าเสียดาย สะสมคะแนนไว้ได้ 47 แต้ม โดยในเกมนี้ได้ไป 1 ประตู จากลูกยิงของมิดฟิลด์อนาคตไกล เจดอน ซานโช ซึ่งทีมทีเบียดแซงมายืนในอันดับที่ 4 แทนก็คือ ทัพ เดอะ กันเนอร์ ของ มิเกล อาร์เตตา ที่สามารถเอาชนะทีม วัตฟอร์ด 3-2 ในเกมก่อนหน้า โดยในขณะนี้มีคะแนน 48 แต้ม นำห่าง ทัพปีศาจแดง 1 แต้มเท่านั้น
ในเกมดาร์บี้แมตช์ของเมือง แมนเชสเตอร์ ครั้งนี้ ทำการแข่งขันกันที่ เอทิฮัด สเตเดี้ยม สนามของ ทัพเรือใบสีฟ้า เนื่องแน่นไปด้วยแฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงร้องเพลงปลุกใจทีมเจ้าบ้านดังกึกก้อง ทำให้เริ่มเกมไปได้เพียงแค่ในนาทีที่ 5 เท่านั้น ทีมเจ้าบ้านก็สามารถทำประตูไปได้อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด 1-0 โดยลูกยิงหน้ากรอบ 6 หลา ของ เควิน เดอ บรอยน์ จากการส่งบอลเข้าช่องเขตโทษทางซ้ายมือของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา แฟนบอลเจ้าบ้านโห่ร้องยินดีลั่นสนาม
ต่อมา ทัพปีศาจแดง ทีมเยือน พยายามเข้าครองบอลเพื่อตอบโต้กลับ จนในนาทีที่ 8 บรูโน่ แฟร์นานเดส แทงบอลเข้าไปยังเขตโทษส่งให้กับ เฟร็ด กองกลางแซมบ้าสามารถหลุดเข้าไปยังกรอบระยะ 6 หลาได้แล้ว แต่ดันยิงไปโดน เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูเจ้าบ้านบล็อกไว้ได้ทัน ต่อมาเจ้าบ้านเกือบได้ประตูจาก กองกลางตัวแรงคนเดิม เควิน เดอ บรอยน์ ในนาทีที่ 17 โดยแข้งเบลเยี่ยมแหวกบอลเข้าเขตโทษ ฟาดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรง แต่ ดาบิด เด เคอา มือเซฟจอมเหนียวของ ปีศาจแดง ล้มปัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด
และแล้วนาทียินดีของ ทีมเยือนจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็มาถึง เมื่อ ปอล ป็อกบา อาศัยจังหวะสวนกลับทางขวา ส่งบอลสูงข้ามฝั่งไปให้ เจดอน ซานโช กองกลางที่กำลังมาแรงของปีศาจแดง ลุยเดี่ยวพาบอลหนี ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้าในปั่นบอลด้วยเท้าขวา ผ่านมือกาวของ เอแดร์ซอน เบียดเสาเข้าไปได้อย่างสวยงาม ตีเสมอ อดีตทีมเก่าของเจ้าตัวไปได้ 1-1 ในนาทีที่ 22
จากนั้นเจ้าบ้านไม่รอช้าในนาทีที่ 25 แบร์นาร์โด้ ซิลวา เร่งฝีเท้าเข้าทางซ้ายส่งบอลเข้าเขตโทษให้ ฟิล โฟเด้น โขกเต็มแรง แต่เป็นโชคของ ดาบิด เด เคอา ที่บอลเด้งหล่นคานออกไปได้ และก็ไม่ปล่อยให้กองเชียร์สีฟ้ารอนาน ในนาทีที่ 28 แจ็ค กรีลิช โหม่งส่งบอลให้กับ ฟิล โฟเด้น หลุดเดี่ยวฝ่าด่าน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยิงบอลติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา แต่ทว่ามือกาวสุดเก๋าดันพลาดท่าปัดบอลไปเข้าเท้า แบร์นาร์โด้ ซิลวา แต่เจ้าตัวดันยิงแฉลบไม่เข้า แต่ดันกลายเป็นว่าเป็นการตั้งบอลให้ทาง เควิน เดอ บรอยน์ ยิงเน้นๆ สวยๆ เข้าประตูไปได้ 2-1 เรียกได้ว่าเป็นจังหวะ 3 ซ้ำที่สวยงามของทีมเจ้าบ้าน แต่ทางทีมเยือนถึงกับกุมขมับร้อง โอ๊ย โดยเฉพาะ เด เคอา มือเซฟจอมแม่นถึงกับหัวเสียอย่างแรง
เข้าสู่ช่วงท้ายเกมในนาทีที่ 40 ทัพปีศาจแดง ก็เกือบเสียประตูที่ 3 ไป โดยที่พวกเขาเสียบอลให้กับ เควิน เดอ บรอยน์ ที่แหวกบอลมาส่งบอลให้กับ ฟิล โฟเด้น เตะด้วยเท้าซ้ายแต่ก็ออกหลังไปเสียก่อน บรูโน่ แฟร์นานเดส ไม่รอช้าได้บอลแล้วรีบพาเข้าเขตโทษ ยิงซ้ายส่งให้ เจดอน ซานโช ปั่นด้วยเท้าขวาแต่บอลก็ลอยข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย เกือบจะหมดเวลาในช่วงทดเวลาในครึ่งแรก ริยาด มาห์เรซ ลากบอลมาทางขวาเข้าเขตโทษพาบอลหลบ อเล็กซ์ เตลเลส แล้วยิงซ้ายบอลผ่าน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปได้ แต่ก็ติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ที่ปัดบอลทิ้งไปได้ทัน
กรรมการในสนามเป่าหมดเวลาในครึ่งแรก ด้วยการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สกอร์นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1
เริ่มเกมในครึ่งหลัง ด้วยการที่ทีมเจ้าบ้าน เรือใบสีฟ้า เร่งเครื่องฟิตตั้งแต่ในนาทีที่ 49 โดย ฟิล โฟเด้น ไล่บี้และขโมยบอลมาจาก อารอน วาน-บิสซาก้า ไปได้ แต่จังหวะยิงบอลไม่ดีทำได้เพียงผ่านหน้าประตูและกระเด็นออกหลังไป ต่อมาในนาทีที่ 52 สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ดักขโมยบอลจากทีมเจ้าบ้านบ้าง โดยแหวกบอลมาส่งให้กับทาง บรูโน่ แฟร์นานเดส ด้านซ้าย ยิงสวยแต่ เอแดร์ซอน เซฟเอาไว้ได้ ซึ่งถัดมาในนาทีที่ 60 ทัพปีศาจแดง เร่งบุกหนัก เมื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้บอลกลางสนามและไหลมาให้กับ เฟร็ด พาบอลขึ้นส่งไปด้านขวาให้กับ แอนโธนี่ อีแลงก้า แตะเน้นๆเข้าเขตโทษ แต่เป็นจังหวะที่ช้า ทำให้ ชูเอา คานเซโล่ แตะทิ้งไปได้เสียก่อนอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 62 นาทีเสียว โดย เควิน เดอ บรอยน์ พุ่งขึ้นมายิงด้วยเท้าขวา ฝ่าด่าน ทัพปีศาจแดง ไปได้แล้วแต่บอลดันไปตรงเข้าทาง ดาบิด เด เคอา ล้มรับบอลเอาไว้ได้อย่างไม่มีพลาด
แต่ ทัพปีศาจแดง ก็ดันพลาดท่าจนได้ ในนาทีที่ 68 จากลูกเตะมุมซ้าย เควิน เดอ บรอยน์ ส่งบอลเข้าเส้น 18 หลาให้กับ ริยาด มาห์เรซ ปั่นด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาไกลไปได้อย่างสวยงาม ทำให้ ทัพเรือใบสีฟ้า ขยับสกอร์ห่างไปเป็น 3-1 เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เควิน เดอ บรอยน์ คนดีคนเดิมปั้นบอลส่งเชื่อมเข้าเขตโทษอย่างเร็ว ส่งต่อให้กับ ริยาด มาห์เรซ ยัดด้วยเท้าขวาเข้าเสาแรก แต่โชคของผียังดีที่ ดาบิด เด เคอา ส่งออกหลังไปได้เสียก่อน เรื่อยมาจนแทบจะจบเกม ฝั่งทีมเจ้าบ้านเป็นฝ่ายที่ครองบอล และเล่นในเกมบุกได้อย่างเหนือกว่า และเกือบทำประตูได้เพิ่มอีก 2 ประตูจากลูกยิงของ ชูเอา คานเซโล่ และ อิลคาย กุนโดกัน ที่ลงมาเปลี่ยนตัวกับ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เริ่มมีอาการบาดเจ็บ และเกือบทำแฮททริคให้กับต้นสังกัดไปได้ โดยที่เขาได้รับเลือกให้ได้รับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ของเกมนี้อีกด้วย
จนเข้าสู่ช่วงนาทีสุดท้าย นาทีที่ 90 ดาบิด เด เคอา เปิดบอลได้ไม่สวยจนทางด้าน อิลคาย กุนโดกัน สามารถพาบอลชิ่งหนีและแทงผ่านช่องมาให้ ริยาด มาห์เรซ ซัดไปเข้าอก ดาบิด เด เคอา เบี่ยงเข้าประตูไปแบบไม่ทันตั้งตัว แต่แล้ว ผู้ช่วยผู้ตัดสินก็ยกธงล้ำหน้า จนผู้ตัดสินในเกม ไมเคิล โอลิเวอร์ รอเช็คภาพจากกรรมการในห้อง VAR ลุ้นกันอยู่นานว่า ทัพเจ้าบ้านจะเก็บอีกประตูไปได้หรือไม่ จนสุดท้ายภาพจาก VAR ฟ้องว่า ริยาด มาห์เรซ ยังเล่นอยู่ในไลน์ไม่เป็นการล้ำหน้า บอล on side ยืนยันเป็นสกอร์ ปิดประตูชัยให้กับทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเจ้าบ้านไปได้อย่างสวยงาม 4-1
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ในนัดนี้ แมนเชสเตอร์ เป็นสีฟ้า
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง ของทั้ง 2 ทีม
ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นด้วยระบบ 4-3-3 นำทัพโดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้รักษาประตู : เอแดร์ซอน โมราเอส
กองหลัง : ไคล์ วอล์คเกอร์ , จอห์น สโตนส์ , เอมเมอริก ลาป๊อร์กต์ , ชูเอา คันเซโล
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (อิลคาย กุนโดกัน , น.80) , โรดรี้ เอร์นานเดซ , แจ็ค กรีลิช
กองหน้า : ริยาด มาห์เรซ , ฟิล โฟเด้น , แบร์นาร์โด้ ซิลวา
ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 นำทัพโดย ราล์ฟ รังนิก
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา
กองหลัง : อารอน วาน-บิสซาก้า , ราฟาเอล วาราน , แฮร์รี่ แม็กไกวร์ , อเล็กซ์ เตลลิส , วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ
กองกลาง : เฟร็ด , บรูโน่ แฟร์นานเดส , ปอล ป็อกบา (มาร์คัส แรชฟอร์ด , น.64) , เจดอน ซานโช , สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
กองหน้า : แอนโธนี่ อีแลงก้า (เจสซี ลินการ์ด , น.64)
ผู้ตัดสินในเกม : ไมเคิล โอลิเวอร์